“โอ้ย วันนี้รู้สึกน้ำตาลต่ำจังเลย คงต้องจัดชานมไข่มุกสักแก้วซะแล้ว” ประโยคแบบนี้หลายคนคงได้ยินเพื่อนๆชอบบ่นกันขำๆ เพื่อเป็นข้ออ้างในการกินของที่อยากกิน หรืออาจะเป็นตัวเราเองซะด้วยที่ใช้เหตุผลนี้ในการบอกถึงความจำเป็ในการกินครั้งนี้ แต่ทราบกันไหมครับว่า “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ” นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงๆ และยังอันตรายถึงขั้นโคม่ากันเลยที่เดียว วันนี้ Elife จึงจะพาทุกคนมารู้จักกับภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกันครับ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มักทำให้เกิดอาการใจสั่นอ่อนเพลียซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาลดน้ำตาลหรือฉีดอินซูลิน
อาการน้ำตาลในเลือดต่ำ
-เหงื่อออก
-ไม่มีแรง
-เวียนศีรษะ
-สับสน
-ผิวหนังเย็น
-อ่อนเพลีย
-ตาพร่า
-หิวบ่อย
-ตัวสั่น
-ชัก
-ขาดสติ
-หัวใจเต้นเร็ว
-อาการโคม่า
สาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
1.มักเกิดจากการกินอาหารน้อยไป หรือกินอาหารไม่ตรงเวลา
2.กินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดบางชนิดเกินขนาด หรือฉีดยาอินซูลินมากเกินไป
3.การออกกำลังกายหนักจนเกินไป หรือทำงานมากกว่าปกติ
การแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เมื่อเริ่มมีอาการ ควรรีบตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือด โดยวิธีการเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว และแก้ไขตามระดับอาการ ดังนี้
- อาการไม่มากและรู้สึกตัวดี
ให้กินอาหารทันที ถ้าเวลาที่เกิดใกล้มื้ออาหารหลัก แต่หากอยู่ระหว่างมื้ออาหาร ควรกินอาหารว่าง เช่น นมพร่องมันเนย (240 ซีซี) หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ลูก หรือ แครกเกอร์ 2-3 แผ่น
- อาการค่อนข้างมาก แต่รู้สึกตัวดี
ให้กินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตที่ดูดซึมเร็วอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อไปนี้
-น้ำผลไม้คั้นสดไม่เติมน้ำตาล ปริมาณ ½ แก้ว
-ลูกอม 2 เม็ด หรือน้ำตาล 2 ก้อน
-น้ำหวาน ½ แก้ว (น้ำหวานเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะผสมน้ำให้ได้ปริมาณ 120 ซีซี)
-น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
-น้ำผึ้ง 3 ช้อนชา
หลังจากนั้นให้รับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ขนมปัง ข้าว หรือก๋วยเตี๋ยว ต่อเลยทันที
- อาการเป็นมาก
ไม่รู้สึกตัวหรือมีอาการชัก ห้ามให้อาหารทางปากเด็ดขาด เพราะอาจสำลักเข้าปอด ควรนำส่งโรงพยาบาลทันที
การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
1.รับประทานอาหารตรงเวลาและมีปริมาณเหมาะสมตามความต้องการพลังงานของร่างกายแต่ละคน
2.ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
3.ฉีดอินซูลินหรือกินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดตามแพทย์สั่ง ไม่เพิ่มหรือลดยาเอง (ยกเว้นกรณีแพทย์แนะนำให้ปรับยาเองได้) ออกกำลังกายอย่างสม่ำสมอ ไม่หักโหมจนเกินไป ถ้าออกกำลังกายมากกว่าปกติ ควรกินอาหารว่างก่อนออกกำลังกาย ประมาณ 15-30 นาที เช่น นมพร่องมันเนย 1 แก้ว หรือ ขนมปัง แครกเกอร์ 2-3 แผ่นใหญ่ หรือผลไม้ขนาดกลาง 1 ผล เช่น ส้ม กล้วยน้ำว้า หรือ ผลไม้ใหญ่ ½ ผล เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล สาลี่ กล้วยหอม
4.ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
5.ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องกินยาสำหรับรักษาโรคอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะยาเหล่านั้นอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
6.บอกให้ญาติหรือบุคคลใกล้ชิดทราบว่าเป็นเบาหวานและอธิบายการแก้ไขที่ถูกต้องให้รับทราบ
7.ควรมีลูกอม น้ำหวานหรือน้ำผลไม้ 100% หรือขนมปังแครกเกอร์เก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เผื่อยามฉุกเฉิน
8.ช่วงที่เจ็บป่วย หากทานอาหารไม่ได้ ควรพบแพทย์เพื่อปรับยา
ซึ่งสำหรับคนที่มีภาวะน้ำตาลต่ำหรือสูงที่ค่อนข้างสวิงมากๆ หรือผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือโรคอื่นๆที่ยามีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด การที่จะทราบผลเลือดอยู่ตลอดนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ในบางรายอาจจะเลือกเป็นวิธีเจาะเลือดตรวจแบบ BGM หรือการเจาะเลือดปลายนิ้ว ซึ่งวิธีนี้ทำให้ทราบผลได้ง่ายและเร็ว แต่อาจจะต้องเจ็บตัววันละหลายครั้งมากๆ ในผู้ป่วยบางรายเจาะมากกว่า 5 ครั้ง/วัน ในปัจจุบันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นและไม่ต้องเจ็บตัวเจาะเลือดบ่อยๆ นั้นคือนวัตกรรม CGM หรือเครื่องตรวจน้ำตาลแบบ Real Time ที่สามารถวัดผลได้ตลอดอยากทราบเมื่อไหร่เพียงยกมือถือมาดูก็สามารถทราบผลได้เลยง่ายๆ
ตัว Transmitter ส่งค่าระดับน้ำตาลในเลือดผ่าน Boothtooth
- เก็บข้อมูลชัดเจนบนเครื่องส่งสัญญาณ
- เป็นตัวเครื่องที่สามารถใช้ซ้ำได้นาน 2 ปี
- ใช้ถ่ายกระดุม 1 ก้อน
- ขนาด 31.5 x 21 x 23.5 cm
- ส่งสัญญาณเข้าตัวแอพพิลเคชั่นทุกๆ 3 นาที
- อย.65-2-2-2-0012022
ตัว Sensor CT-2-CGM ปากกาเซ็นเซอร์ตรวจวัดน้ำตาล
- มีอายุการใช้งาน 10 วัน
- ขนาด 43.5 x 33.5 x 18.5 cm
- มีการแก้ไขสัญญารบกวนทางเคมีไฟฟ้า
- กาวที่ติดมีประสิทธิภาพทนน้ำ
- อย.65-2-2-2-0012022
-
BGM
แถบตรวจวัดน้ำตาล 330 แบบ 25, 50, 100แผ่น
290฿ – 1,000฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
BGM
Lancet เข็มตรวจวัดน้ำตาล 4กล่อง 200pcs
Original price was: 320฿.280฿Current price is: 280฿. Add to cart