สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ได้เห็นลูกน้อย สามารถลืมตาดูโลกได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง แต่เนื่องด้วยสภาพร่างกายและฮอร์โมนต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายได้ง่าย โดยเฉพาะโรค เบาหวานขณะตั้งครรภ์ บทความนี้อยากจะชวนว่าที่คุณแม่ทุกคน มาทำความรู้จักกับภัยร้ายนี้ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร? หากเป็นแล้วอันตรายต่อลูกไหม? จะรักษาหรือดูแลตนเองได้อย่างไรบ้าง ในบทความนี้เลยค่ะ
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร? จะส่งผลกระทบต่อแม่และเด็กอย่างไรบ้าง?
โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus : GDM) เกิดจากการที่รกในครรภ์ (อวัยวะหนึ่งที่ห่อหุ้มเด็ก) สร้างฮอร์โมนบางชนิดขึ้นมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ต่อต้านอินซูลิน ที่ทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนเกิดเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งหากปล่อยไว้จะเกิดอันตรายต่อแม่และเด็กในครรภ์ได้ ดังนี้
ความเสี่ยงต่อแม่ที่ตั้งครรภ์
- ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หลอดเลือดและปลายประสาทเสื่อม (สงสัยว่าเป็นความดันโลหิตสูง?! ต้องตรวจเช็กด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต Click!!!)
- เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาพร่ามัว หรือเบาหวานลงไต ทำให้ไตเสื่อมหรือวาย
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ
- ครรภ์แฝดน้ำ (น้ำคร่ำมากผิดปกติ ทำให้ท้องโตเกินกว่าอายุครรภ์)
- ติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในทางเดินปัสสาวะ
- คลอดยาก อาจทำให้แม่ทรมานและเป็นอันตรายกว่าปกติ เนื่องจากทารกตัวโตมาก
- มีความเสี่ยงติดเชื้อสูงจากการผ่าคลอด
- ตกเลือดหลังคลอด
- มีโอกาสถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ไปตลอดชีวิต
ความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
- ตัวโตและน้ำหนักมากผิดปกติ (ไม่แข็งแรง) อาจทำให้บริเวณไหล่ของทารกติดระหว่างคลอด จนอาจเกิดการแตกหักของกระดูก หรือเป็นอันตรายจนเสียชีวิตระหว่างทำคลอดได้
- มีภาวะตัวเหลือง และมีเลือดข้นเหนียวกว่าปกติ
- ทารกมีน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำผิดปกติ
- สมองและระบบประสาทมีปัญหา พัฒนาได้ช้าผิดปกติ
- ระบบการหายใจมีปัญหา ไม่สามารถหายใจได้เองเมื่อแรกคลอด
- มีโอกาสเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานในอนาคต
- ทารกอาจพิการ เช่น ไม่มีกะโหลกศีรษะ มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง หัวใจโต
- เสียชีวิตในครรภ์หรือหลังคลอด
ประเภทของเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- เบาหวานที่เป็นมาก่อนที่จะตั้งครรภ์ โดยตัวคุณแม่อาจรู้หรือไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคเบาหวานอยู่ เมื่อมีการตั้งครรภ์จะเสี่ยงเกิดอันตรายต่อเด็กมาก เนื่องจากโรคเบาหวานส่งผลกระทบต่อการสร้างอวัยวะของทารก จึงอาจทำให้ทารกพิการ มีผลต่อพัฒนาการและสมอง หรืออาจแท้งได้
- เบาหวานที่เพิ่งมาเป็นในขณะกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดนี้ จะพบหลังการตั้งครรภ์ประมาณ 24 – 28 สัปดาห์ ส่งผลให้ทารกตัวโตผิดปกติ ทำให้คลอดยาก และอาจเกิดการแท้งในช่วงใกล้คลอดได้
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์?
- หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
- เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน
- ก่อนตั้งครรภ์ เป็นผู้มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือมี BMI มากกว่า 30
- เคยมีประวัติเกี่ยวกับทารกในครรภ์มีปัญหา เช่น ทารกเสียชีวิตในครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ ทารกพิการโดยกำเนิด ทารกเกิดมามีน้ำหนักตัวมากกว่า 4,000 กรัม เคยแท้งมาก่อน
- มีความดันโลหิตสูง ก่อนหรือระหว่างตั้งครรภ์
- พบภาวะตั้งครรภ์แฝดน้ำ
- คนในครอบครัวสายตรง (พ่อ แม่ พี่ หรือน้อง) มีประวัติเป็นเบาหวาน
- เป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ
อาการ เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นอย่างไร? หากไปตรวจเบาหวาน ต้องทำอย่างไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ในช่วงแรกมักจะไม่มีอาการผิดปกติแสดงออกมา แต่ในบางรายก็สามารถสังเกตอาการผิดปกติได้บ้าง โดยอาการเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะคล้ายกับอาการเบาหวานแบบทั่วไปเลยค่ะ
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
- กระหายน้ำมาก ริมฝีปากแห้ง
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย น้ำหนักลด สายตาพร่ามัว
- เมื่อมีบาดแผล แล้วแผลหายช้า
จะเห็นได้ว่า อาการเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะสังเกตได้น้อยมาก ดังนั้น หากพบว่าตนเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรปรึกษาแพทย์และเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวาน แต่โดยปกติแล้ว หากมีการไปฝากครรภ์และนัดพบแพทย์อยู่ตลอด ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะมีการจัดให้ตรวจคัดกรองโรคและความเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งโรคเบาหวานอยู่แล้ว
วิธีการวัดน้ำตาลมี 3วิธี ทำเองที่บ้านได้ 2วิธี(CGM, BGM)
วิธีการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานนั้นมีวิธี 3วิธีหลักๆ ดังต่อไปนี้
- HbA1C เป็นแบบเจาะเลือด (ใช้ตย.เลือดเป็นหลอด) อันนี้ส่วนมากจะทำในโรงพยาบาล ทำเองที่บ้านไม่ได้
- CGM (Contineous Glucose Monitoring) เป็นการวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง ทำเองที่บ้านได้โดยจะมีเครื่องมือติด Sensor เข้าที่ต้นแขน หรือ หน้าท้อง
- BGM (Blood Glucose Montioring) เป็นการวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้เข็มเจาะที่ปลายนิ้ว เพื่อเอาตัวอย่างเลือดใช่เพียงแค่ 1หยด
ในขั้นตอนการตรวจเบาหวาน ในครั้งแรกแพทย์จะให้คุณแม่ดื่มสารละลายกลูโคส 50 กรัม หลังจากนั้น 1 ชั่วโมงจะทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจค่าระดับน้ำตาล หากพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 140 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะมีการนัดตรวจเจาะเลือดอีกครั้ง โดยให้งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง แล้วให้ดื่มสารละลายกลูโคส 100 กรัม เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป
หากวินิจฉัยแล้วพบว่าเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะมีการนัดเพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงใกล้คลอด นอกจากนี้ แพทย์จะมีคำสั่งให้คุณแม่ตั้งครรภ์เฝ้าระวังและควบคุมค่าระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันร่วมด้วย โดยการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด แบบเจาะปลายนิ้วด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยง หรือต้องการตรวจสอบค่าระดับน้ำตาลในเลือดของตนเอง เพื่อป้องกันภัยร้ายนี้ไม่ให้เกิดขึ้น ก็สามารถใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดหรือเครื่องตรวจเบาหวานนี้ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้สามารถตรวจเช็กค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้ทุกช่วงเวลา อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ทำได้ด้วยด้วยตนเองง่าย ๆ แบบไม่ต้องไปโรงพยาบาล ช่วยให้สามารถวางแผนในการควบคุมค่าระดับน้ำตาล หรือการทานอาหารได้ดียิ่งขึ้น
หากเป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะรักษาให้หายได้ไหม?
หากได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์จะทำการรักษาโดยมีเป้าหมายหลักคือ การควบคุมค่าระดับน้ำตาลในเลือดของคุณแม่ตั้งครรภ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจนกระทั่งคลอด โดยคุณแม่จะต้องควบคุมการทานอาหารควบคู่ไปกับการหมั่นตรวจเช็กค่าระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ โดยมีเกณฑ์ดังนี้
- ก่อนอาหาร : ค่าระดับน้ำตาลต้องน้อยกว่า 95 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
- หลังอาหาร 1 ชั่วโมง : ค่าระดับน้ำตาลต้องน้อยกว่า น้อยกว่า 140 มิลลิกรัมต่อเดวิลิต
- หลังอาหาร 2 ชั่วโมง : ค่าระดับน้ำตาลต้องน้อยกว่า 120 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
อ้างอิงเกณฑ์จาก สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย
หากคุณแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ไม่สามารถควบคุมค่าระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ แพทย์จะทำการรักษาด้วยการให้ฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาล ซึ่งอินซูลินที่ฉีดนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อลูก โดยให้ฉีดก่อนอาหารทั้ง 3 มื้อและก่อนนอน ควบคู่ไปกับการตรวจเช็กค่าระดับน้ำตาลเองที่บ้าน ทั้งก่อนและหลังอาหาร อย่างน้อย 4 – 7ครั้งต่อวัน เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินขนาดอินซูลินได้อย่างถูกต้องมากขึ้น
หากเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ สามารถรักษาให้หายได้ไหม?
สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งมาเป็นเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ โดยปกติแล้วหลังจากที่คลอดลูก ค่าระดับน้ำตาลในเลือดจะค่อย ๆ ลดลง จนหายเป็นปกติได้ค่ะ แต่ก็มีบางรายที่แม้จะคลอดลูกแล้ว ก็ยังคงเป็นโรคเบาหวานอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะหายไปแล้ว ก็ต้องมีการเฝ้าระวังค่าระดับน้ำตาล รวมทั้งอาการอันตรายอื่น ๆ ที่อาจจะตามมาได้ต่อไป เช่น การตกเลือดหลังคลอด การติดเชื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ อ.พญ.วิรดา หรรษาหิรัญวดี สาขาวิชาเวชศาสตร์มารดาและทารกปริกำเนิด ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้กล่าวว่า ผู้ที่เคยเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน หลังจากนั้น อาจเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นโรคเบาหวานได้สูง มากกว่าคนทั่วไปถึง 7 เท่า ดังนั้น แม้จะหยุดตั้งครรภ์แล้ว ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังและตรวจเช็กค่าระดับน้ำตาลต่อไปค่ะ
ส่วนในคุณแม่ที่เป็นโรคเบาหวานมาก่อนที่จะตั้งครรภ์นั้น หลังจากคลอดแล้วโรคเบาหวานก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม จึงต้องมีการควบคุมค่าระดับน้ำตาลต่อไป โดย อ.พญ.วิรดา หรรษาหิรัญวดี ได้แนะนำว่า คุณแม่กลุ่มนี้ควรให้นมลูกด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ลดน้ำหนักและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น แต่คุณแม่จะต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง (ไม่ถึงขั้นต้องงด) ก็จะทำให้ลูกสามารถได้รับน้ำนมที่มีสารอาหารและวิตามินได้อย่างครบถ้วนค่ะ
How To รับมือ เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ให้อยู่หมัด!
หลังจากทราบกันไปแล้วว่า เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นภัยร้ายที่แม่ ๆ ทั้งหลายชะล่าใจไม่ได้เลยล่ะค่ะ สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่มีความกังวลใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทั้งที่เป็นอยู่แล้วหรือยังไม่เป็น แล้วต้องการที่จะป้องกันไว้ก่อน บทความนี้ก็ได้รวบรวม How To รับมือเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาฝากกัน
1. เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์ทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินและคัดกรองโรคเบาหวานและภัยร้ายอื่น ๆ
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์แล้ว ควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติ เช่น ท้องไม่โตขึ้น ลูกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น มีอาการครรภ์เป็นพิษ ให้รีบไปพบแพทย์ก่อนถึงเวลานัดทันที
3. ทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม พยายามลดอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน (ไม่ถึงขั้นต้องงด) เน้นเป็นอาหารจำพวกผักและผลไม้ แต่ต้องระวังผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น มะม่วง ทุเรียน ขนุน
4. หมั่นตรวจเช็กค่าระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองอยู่เสมอ ทั้งในช่วงก่อนและหลังทานอาหารตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อที่จะได้ควบคุมและวางแผนการรับมือโรคเบาหวานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
5. สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องฉีดอินซูลิน ควรฉีดให้ครบตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และก่อนทานยาอะไร ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะยาบางตัวอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้ เช่น ยาเพรดนิโซน เป็นต้น
6. ควบคุมน้ำหนักอย่าให้เพิ่มมากเกินไประหว่างตั้งครรภ์ ส่วนผู้ที่วางแผนก่อนมีลูกควรรักษาน้ำหนักตัวอย่าให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน
7. ควรออกกำลังกายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน ว่ายน้ำ โยคะ โดยห้ามออกกำลังกายจนเหนื่อยเกินไป ควรหยุดทันทีหากรู้สึกว่าจะเป็นลม อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าตนสามารถออกกำลังกายได้ไหมและเป็นการออกกำลังแบบไหนได้บ้าง
8. หลังคลอด คุณแม่ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดและตรวจร่างกาย เพื่อความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้
9. แนะนำว่า ควรให้นมลูกด้วยตัวเอง เพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถลดน้ำหนักและระดับน้ำตาลได้ดีมากยิ่งขึ้น
สรุป
การตั้งครรภ์ เป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุหรือโรคภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคยอดฮิตอย่าง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะหากชะล่าใจปล่อยไว้ อาจทำให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และลูกในครรภ์ได้ วิธีรับมือกับเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่ดีที่สุด คือการ หมั่นตรวจเช็กและควบคุมค่าระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการดูแลตนเองตามคำแนะนำข้างต้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ
-
BGM
แถบตรวจวัดน้ำตาล 330 แบบ 25, 50, 100แผ่น
290฿ – 1,000฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
BGM
Lancet เข็มตรวจวัดน้ำตาล 4กล่อง 200pcs
Original price was: 320฿.280฿Current price is: 280฿. Add to cart -
เครื่องผลิตออกซิเจน 9F-5BW ระบบสัมผัส+Remote Control
Original price was: 25,500฿.21,900฿Current price is: 21,900฿. Add to cart -
เครื่องวัดความดันเลือด Bluetooth รุ่น680B
Original price was: 2,190฿.1,990฿Current price is: 1,990฿. Add to cart -
เครื่องวัดออกซิเจน Minimal Bluetooth YX110
Original price was: 1,200฿.990฿Current price is: 990฿. Add to cart