การนอนเป็เรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะคนเรานั้น ใช้เวลามากว่า 7 ชั่วโมงในการนอนหลับ และพักผ่อน หลังจากที่ใช้พลังงานไปทั้งวันแล้ว เมื่อร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า ย่อมต้องการเวลาพักผ่อน ซึ่งการพักผ่อนที่ง่ายและได้ผลดีที่สุด ก็คือ “การนอนหลับ” แต่การจะพักผ่อนและนอนหลับได้อย่างเต็มที่นั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญมากๆ ที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น “ที่นอน” เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่แนบติดกับตัวเรามากที่สุด มากกว่าคนที่นอนข้างๆ เสียงอีก และ แน่นอนว่า ที่นอน ก็ต้องถูกวางอยู่บน “เตียงนอน” จัดเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ มาค่ะวันนี้จะพามามารู้จักที่นอนแต่ละประเภทเพื่อทุกคนจะได้เข้าใจข้อดี้ขอเสียงขอน้องกัน
ประเภทเตียงนอน (Bed Size)
1. เตียงเดี่ยว (Single Bed)
เตียงประเภทแรกคือ เตียงเดี่ยว หรือ “Single Bed” ในประเทศไทย จะมีขนาดมาตรฐานความกว้าง จะอยู่ที่ประมาณ 3 ฟุต บวกลบได้นิดหน่อย (ภาษาชาวบ้าน ที่มักได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ “เตียงนอนสามฟุตครึ่ง“) เตียงนอนประเภทนี้ จัดเป็นเตียงที่มีขนาดเล็กๆ ไม่กินพื้นที่ห้องมากนัก เหมาะสำหรับใช้นอนคนเดียว และใช้กับห้องที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้แล้ว ในห้องพักนั้นๆ อาจจะมีการวางเตียงเดี่ยวไว้มากกว่า 1 เตียงก็ได้ หากในห้องพักนั้นๆ มีการวางเตียงนอน เอาไว้ 2 เตียง โดยสากล ตามโรงแรม รีสอร์ท ที่พักอาศัยต่างๆ เขามักจะเรียกมันว่า “Twin Bed” นั่นเอง
2. เตียงคู่ (Double Bed)
เตียงประเภท เตียงคู่ หรือ “Double Bed” หรือบางประเทศอาจจะเรียกว่า “Full Bed” นี้ จะเป็นเตียงแบบขนาดใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 4 ฟุต เป็นต้นไป คุณสมบัติจริงๆ ของมันคือ มันจะมีพื้นที่ให้สามารถนอนพลิกตัวไปมาได้สะดวกสบายมากขึ้น เหมาะกับห้องที่มีขนาดและพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง โดยความกว้างของที่นอนในรูปแบบเตียงคู่นี้ จะมีให้เลือกหลากหลายขนาดด้วยกัน
ประเภทของที่นอน (Mattress Type)
1. ที่นอนยางพารา (Latex Mattress)
เป็นที่นอนที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ จริงๆ ใช้งานได้ยาวนาน คงทน มีความนุ่ม และ ยืดหยุ่นได้ดี แต่ก็มีน้ำหนักและราคาที่มากกว่า เมื่อเทียบกับที่นอนที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติตัวอื่นๆ อย่างเช่น นุ่น หรือ ใยมะพร้าวโดยที่นอนยางพารานั้น จะมีอยู่ 2 รูปแบบหลักๆ คือ ที่นอนยางพาราแท้ กับ ที่นอนยางพาราแบบอัดแน่น
ข้อดี 🙂
- มีผิวสัมผัสที่นุ่มละเอียด และยืดหยุ่นมาก
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถคงรูปทรงได้ดี ดูแลรักษาได้ง่าย
- รองรับกับน้ำหนักมากๆ ได้
- รองรับสรีระ ของร่างกายแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
- ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน จากการนอนดิ้น การนอนพลิกตัวไปมา ได้เป็นอย่างดี
- ไม่เก็บความชื้น รวมถึงฝุ่นละอองต่างๆ ทำให้ที่นอนไม่เกิดกลิ่นอับ
- เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ไม่มีสารสังเคราะห์ที่อาจทำให้เกิดภูมิแพ้
ข้อเสีย 🙁
- มีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตที่สูง
- อาจมีกลิ่นยาง ในช่วงแรกๆ ที่ใช้งาน
- มีน้ำหนักมากกว่า เมื่อเทียบกับที่นอนที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติอื่นๆ อย่าง นุ่น หรือ ใยมะพร้าว อาจจะต้องใช้คนยกหลายคน ในขณะขนส่ง
2. ที่นอนสปริง (Spring Mattresses)
ที่นอนสปริง คือ ที่นอนที่เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนานในอุตสาหกรรมที่นอน โดยที่นอนสปริงจะมีฐานรองรับน้ำหนักเป็นสปริง ที่นอนสปริงสามารถออกแบบเพื่อให้มีสัมผัสที่หลากหลายได้เช่น นุ่มมาก นุ่ม นุ่มปานกลาง แน่น หรือแน่นมาก คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าที่นอนสปริงเป็นที่นอนราคาถูกและไม่มีคุณภาพ โดยตัวสปริงจะเรียงต่อๆ กัน และเชื่อมกันด้วยโครงเหล็ก ข้อเสียคือเวลาที่ผู้นอนขยับตัว ผู้นอนอีกท่านจะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน
ข้อดีของที่นอนปริง 🙂
- สามารถระบายอากาศได้อยู่ในระดับที่ดีมาก
- เหมาะกับผู้นอนทุกประเภท ผู้นอนไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวนาน
- สามารถลดแรงกดทับได้ดี
ข้อเสียของที่นอนสปริง 🙁
- ถ้าเป็นที่นอน Bonnell สปริง เวลาผู้นอนขยับตัว ผู้นอนอีกท่านอาจจะรู้สึกตัวได้
- เมื่อที่นอนสปริงถูกใช้ไปเรื่อยๆ ตัวสปริงอาจจะเสื่อมสภาพหรือพังได้ เวลาเราขยับตัวอาจจะมีเสียงรบกวนจากสปริงได้
3. ที่นอนใยมะพร้าว (Coconut Fiber Mattress)
เป็นที่นอนที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ วิธีการสร้างนั้นจะใช้วัตถุดิบของเส้นใยมะพร้าวมาแปรรูปให้เป็นแผ่น และผ่านกรรมวิธีการอัดแน่น จนกลายเป็นรูปทรงของที่นอน เป็นเตียงที่มีความแข็งกระด้างค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนเตียงที่มีความแข็งในระดับหนึ่ง (ไม่นิ่มมาก มีความยืดหยุ่นน้อย) ส่วนน้ำหนักของที่นอนชนิดนี้ เมื่อเทียบกับที่นอนยางพาราที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติเหมือนกันแล้ว จะมีน้ำหนักที่เบากว่ามาก
ข้อดีของที่นอนใยมะพร้าว 🙂
- มีความแข็ง และกระด้างอยู่ในตัว
- สามารถคงรูปทรงได้ดี และยุบตัวได้ยาก
- มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา
- ช่วยลดปัญหาการปวดหลัง จากการนอนบนที่นอนนิ่มๆ ยวบๆ ซึ่งไม่เหมาะกับสรีระร่างกายของผู้นอน
- สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
ข้อเสียของที่นอนใยมะพร้าว 🙁
- เมื่อหมดอายุการใช้งาน หรือเมื่อเสื่อมสภาพแล้ว จะเกิดการเปื่อยยุ่ย ก่อให้เกิดขุย และไรฝุ่น ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ
- มีความนุ่ม และยืดหยุ่นน้อย ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบนอนที่นอนแบบแข็งๆ
4. ที่นอนฟองน้ำ (Sponge Mattress)
เป็นที่นอนที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ ทางวิทยาศาสตร์ โดยการใช้เศษฟองน้ำชิ้นเล็กๆ นำมาบีบอัดด้วยเครื่องอัดแรงดันสูง (คล้ายๆ กับ ที่นอนยางพาราแบบอัดแน่น) ตามด้วยกระบวนการผสมทางเคมี แล้วจึงนำมาขึ้นรูปทรงและขนาดตามที่ต้องการ
อดีของที่นอนฟองน้ำ 🙂
- ให้ความรู้สึกที่นุ่ม คล้ายกับที่นอนที่ทำจากวัสดุยางพารา
- มีน้ำหนักเบา สามารถยก และเคลื่อนย้ายได้ง่าย
- มีความยืดหยุ่น และสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี
(แต่น้อยกว่า ที่นอนแบบยางพาราแท้) - มีราคาถูก นิยมใช้ตามหอพัก
(เมื่อเทียบกับ ที่นอนยางพารา และ ที่นอนใยมะพร้าว) - มีความทนทาน ใช้งานได้นาน
(แต่น้อยกว่า ที่นอนแบบยางพาราแท้)
ข้อเสียของที่นอนฟองน้ำ 🙁
- วัสดุฟองน้ำสังเคราะห์ที่ไม่ได้คุณภาพ เมื่อใช้เป็นเวลานานจะเกิดการยุบตัวในลักษณะที่เป็นแอ่ง ทำให้มีอาการปวดหลังได้
- มีระบบการระบายอากาศได้ไม่ดี ทำให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย
- เกิดฝุ่นละอองสะสมบนที่นอนได้ง่าย
หลังจากนี้เพื่อนที่เข้ามาอ่านบทความนี้น่าจะได้ทำความรู้จักกับที่นอน ในประเภทต่างๆ ที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ จะมีส่วนช่วยประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อที่นอนได้พอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เป็นการยากที่จะบอกได้ว่า ที่นอนนั้นทำมาจากวัสดุ ตามที่ผู้ขายเขาได้บอกไว้จริงๆ หรือไม่ ครั้นจะไปขอคนขายเขาผ่าเปิดดูไส้ หรือ วัสดุที่อยู่ในที่นอน ก็คงจะเป็นเรื่องลำบาก ดังนั้นอาศัยการสอบถาม และ ขึ้นไปทดลองนอนจริงๆ แล้วสังเกตอาการ จะดีที่สุดนะคะ