fbpx

กินน้ำตาลทำให้หน้าแก่ได้จริงหรือไม่?

กินน้ำตาลทำให้หน้าแก่ได้จริงหรือไม่?

“กินน้ำตาลทำให้หน้าแก่ได้จริงหรือไม่” สิ่งที่หลายคนสงสัยและสวยๆหลายๆคนกังวล การรับประทานของหวานในปริมาณมากสามารถทำให้เกิดริ้วรอย และหน้าแก่ก่อนวัยได้จริง ซึ่งสาเหตุก็มาจาก “น้ำตาล” นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลเพียวร์ ๆ ที่ผสมในของหวาน หรือว่าเป็นน้ำตาลที่มาจากการย่อยของพวกแป้งขัดขาวที่มาจากอาหารกลุ่มพวกพาสตาหรือเบเกอรีที่เราชอบทาน การบริโภคน้ำตาลสูงไม่เพียงแต่เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด การศึกษาวิจัยยังพบว่าการบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูงมีความสัมพันธ์กับการเกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัยซึ่งไม่ได้เกิดแค่กับเฉพาะเซลล์ผิวหนังเราเท่านั้น ภาวะแก่ก่อนวัยดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับเซลล์บริเวณอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเราด้วย


น้ำตาลทำให้แก่ลงจริงมั้ย?

ถูกยืนยันจากผู้เชียวชาญแล้วว่า น้ำตาลทำให้หน้าแก่ได้จริง โดยผิวหนังของเรามีโปรตีนคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลักอยู่รวมกันเป็นลักษณะโครงข่ายช่วยให้ผิวของเรามีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ในกรณีที่เราบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเหล่านั้นถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลที่บริเวณผิวหนังสูงขึ้นเช่นเดียวกันน้ำตาลบริเวณผิวหนังสามารถจับกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเกิดเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า Advanced glycation end products หรือ AGEs ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัยนั่นเอง ถึงกระนั้นหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าน้ำตาลมีแต่ข้อเสียอย่างเดียวเลยหลอแล้วข้อดีของน้ำตาลมีอะไรบ้าง

ข้อดี-ข้อเสียน้ำตาล

    ข้อดีหรือประโยชน์ของน้ำตาล 

  • น้ำตาลช่วยลดความเครียด แน่นอนว่าน้ำตาลเป็นสารให้พลังงานที่ดีอีกชนิดหนึ่ง เมื่อรับประทานเข้าไปจะช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นดอร์ฟินออกมา ช่วยให้ร่างกายกระชุมกระชวย ลดความเครียดได้
  • น้ำตาลใช้ทำ Scrub เพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปาก น้ำตาลทรายถือเป็นวัตถุดิบหลักในการทำสครับแบบ Hand made โดยเฉพาะสูตรที่ผสมกับน้ำผึ้ง โดยสามารถนำมาสครับริมฝีปากเพื่อเพิ่มความนุ่ม ชุ่มชื่น และลดอาการหมองคล้ำ นอกจากนั้นยังสามารถนำมาสครับบริเวณอื่นได้
  • น้ำตาลใช้ถนอมอาหาร น้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการถนอมอาหารมาทุกยุคทุกสมัย ส่วนใหญ่มักใช้กับการแปรรูปผลไม้ที่มีรสหวาน โดยที่เห็นกันได้บ่อย ๆ คือการแช่อิ่ม การเคลือบหรือฉาบ
  • น้ำตาลเป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำตาลเป็นหนึ่งในสารที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์อีกหนึ่งชนิด ไม่ว่าจะในกระบวนการเผาผลาญหรือกระบวนการขับของเสีย ล้วนต้องอาศัยพลังงานจากน้ำตาลแทบทั้งสิ้น
  • น้ำตาลช่วยกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื้อภายในร่างกาย อวัยวะและเนื้อเยื้อต่าง ๆ

     ข้อเสียหรือผลกระทบของน้ำตาล 

  • ความหวานของน้ำตาล หากเกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไปจะทำให้น้ำตาลสะสมในเลือด ส่งผลต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคอื่นๆตามมา
  • น้ำตาลเมื่อเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ทำให้ตับอ่อนทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน เสื่อมสมรรถภาพทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
  • การกินน้ำตาลมากเกินไป จะเป็นตัวเร่งการขับแร่ธาตุโครเมียมออกจากร่างกาย ผ่านทางไต ซึ่งแร่โครเมียม เป็นแร่ธาตุเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน
  • น้ำตาลที่สะสมในร่างกาย จะถูกเก็บไว้ที่ตับ หากมีปริมาณมากเกินไปตับจะส่งไปยังกระแสเลือด และ เป็นกรดไขมัน เพื่อนำไปสะสมในร่างกาย
  • การกินน้ำตาลเยอะๆทำให้ส่งผลกระทบต่อผิวพรรณเป็นอย่างมากเช่นทำให้หน้าหรือผิวกายเหียวย่อนก่อนวัยอันควร

สัญญาณที่บอกว่า ผิวแก่ไวจากน้ำตาล

1 ผิวแห้ง แข็งกระด่าง ไม่เป็นธรรมชาติ อายุที่มากขึ้น ทำให้ความสามารถในการผลิตไขมันน้อยลง ผิวจึงเกิดอาการแห้งขาดน้ำ ผนวกกับคอลลาเจนที่เสื่อมถอยไปตามวัย แต่หาทานน้ำตาลมากจนเกินไปก็จะทำให้ โปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเกิดเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า Advanced glycation end products หรือ AGEs ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอย

2 ขอบปากบนริ่มมีเส้นตัดและสีที่ชัดเจน

3 เกิดจุดด่างดำขึ้นบนผผิวอย่างง่าย

4 เกิดร่องแก้มที่ชัด

5 ผิวหนังช่วงคางใต้เหนียง มีความหย่อนคล้อยมากขึ้น

จะป้องกันผลเสียจากน้ำตาลได้อย่างไร?

เมื่อทราบว่าน้ำตาลมีทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างไรแล้ว ก็ไม่ควรบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมจากน้ำตาลจนมากเกินไป และจะจ้องเลือกกินอย่างพอดี เพื่อไม่ให้เกิดโรคร้ายต่างๆตามมา ซึ่งการรักษาต้องใช้ระยะเวลานานหรือทำให้เสี่ยงเสียชีวิตได้สูง ดังนั้นทางที่ดีก็ควรจะควบคุมอาหารที่มีรสหวานกรือส่วนผสมจากน้ำตาล ซึ่งเราเข้าใจดีว่าการคุมน้ำตาลเองเป็นเรื่องที่ยากมากพอสมควร ดังนั้นเราจึงมีนวัตกรรมที่ไม่ได้ใหม่ในต่างประเทศ แต่ใหม่ในไทยมาแนะนำค่ะ นั้นก็คือ CGM เครื่องตรวจวัดน้ำตาต่อนื่องซึ่งในต่างประเทศนั้นเป็นเครื่องที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย CGM ย่อมาจาก Continuous Glucose monitoring แปลตรงตัวคือ การวัดระดับน้ำตาลแบบต่อเนื่อง ระบบนี้มีการพัฒนามาหลายสิบปีแล้ว แต่เป็นที่นิยมและถูกบรรจุในแผนประกันสุขภาพของอเมริกา และ ยุโรป เมื่อ 3-4ปีที่ผ่านมานีเอง CGM เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รับการยอมรับจาก FDA สหรัฐและยุโรป เป็นการติดตั้ง Sensor วัดระดับน้ำตาลใต้ผิวหนัง โดยการวัดระดับน้ำตาลจากของเหลวใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถเห็นระดับน้ำตาลต่อเนื่อง เป็น Report ได้ ลดการเจ็บตัวจากการเจาะปลายนิ้ว แต่มีจุดด้อยเช่นกัน โดยค่าน้ำตาลจะมีความ Delay จากการเจาะน้ำตาลจากเลือดเล็กน้อยประมาณ 15-20นาที เนื่องจากต้องใช้เวลาที่ของเหลวใต้ผิวหนังมีการแลกเปลี่ยนน้ำตาลกับเลือด

ประโยชน์ของการติด CGM

เจ้าตัว CGM จะเห็นได้ว่าเป็นตัวช่วยดูแลแะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่มีภาวะเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ เพื่อให้การควบคุมระดับน้ำตาลดียิ่งขึ้น

  • จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ลดน้ำตาลสะสม HbA1c ทั้งในผู้ที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 1และ 2 ที่ใช้อินซูลิน
  • ช่วยลดการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำในผู้ที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ที่ใช้ อินซูลินปริมาณสูง และยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้
  • สามารถตรวจพบระดับน้ำตาลต่ำ ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถเจาะวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตัวเองได้ ทำให้สามารถปรับการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเด็ก และวัยรุ่นที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่  1
  • ช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้ยาเม็ดลดระดับน้ำตาลเพียงอย่างเดียว หรือใช้อินซูลินร่วมกับยาเม็ดลดระดับน้ำตาลดีขึ้น เนื่องจากได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของระดับน้ำตาลกับอาหารที่รับประทาน ช่วยให้ปรับลดอาหารที่ทำให้ระดับน้ำตาลสูงลง
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเบาหวานชนิดที่ 1 ลดระดับน้ำตาลสะสม ลดระยะเวลาที่มีน้ำตาลในเลือดสูง และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนของทารกแรกคลอดลง

วันนี้ทางร้าน Elife ขอนำทุกคนเข้ามาทำความรู้จักสินค้า CGM ที่ทางร้านเรามีจำหน่าย และตั้งแต่จำหน่ายมาก็ได้รับเสียงตอบีับอย่างดีมาเรื่อย มีทั้งผู้ป่วยเบาหวานประเภท 1  ผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 คลินิกดูแลผู้ป่วยเบาหวาน หรือแม้กระทั่งคุณหมอ ก็ติดต่อเข้ามาซื้อสินค้า CGM ของเราเช่นกัน นั่คือ CGM แบรนด์ Yuwell

 


ข้อมูลจาก CDC ชาวอเมริกา 84ล้านคน หรือกว่า 1ใน3 เสี่ยงเป็นโรคก่อนเบาหวาน คือระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวานประเภท2 แต่มีโอกาสสูงมากที่จะพัฒนาเป็นเบาหวาน

ผู้ใหญ่กว่า 1ใน3 เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน Prediabetes คือระดับน้ำตาลเกินกว่าค่าเฉลี่ย แต่ยังไม่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะพัฒนาต่อไปเป็นเบาหวานประเภท2 หากยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน พักผ่อน และออกกำลังกาย อีไลฟ์ทำแบบประเมินความเสี่ยงเบาหวาน ใช้เวลาทำเพียง 2นาที เพื่อคัดกรองสำรวจตัวท่านเอง