มีเก้าอี้ดี = ชีวิตดี เพราะสำหรับทุกเพศทุกวัยในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการนั่ง! นั่งนานมากๆ! ไม่ว่าจะใช้นั่งเล่นเกมหรือทำงานก็ตาม ซึ่งบางคนมากกว่า 8 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนอาการเจ็บปวดต่างๆก็เริ่มตามมาหรือที่เรารู้จักกันดีใน “โรคออฟฟิศซินโดรม” การปวดหลังไปจนถึงคอบ่าไหล่นั่นเอง
วิธีเลือกเก้าอี้เบื้องต้นง่ายๆเลย ควรเลือกเป็นแบบที่สามารถปรับระดับได้เพราะร่างกายและสรีระของคนเราแต่ละคนไม่ได้เหมือนกัน การเลือกเก้าอี้ที่ปรับระดับได้จะทำให้ฟังก์ชันต่างๆของเก้าอี้…สามารถรองรับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น เช่นระดับสูง-ต่ำ สำหรับปรับให้เท้าวางกับพื้นระนาบพอดี ไม่ลอย ปรับระดับศีรษะ ที่พักแขน พนักพิงสำหรับรองรับหลัง เบาะนั่งต่างๆ
ในตอนนี้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับได้และกำลังเป็นที่นิยมสามารถแบ่งออกมาเป็น 2ประเภท คือเก้าอี้สุขภาพErgonomics และเก้าอี้เกมมิ่ง ซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่ 500-100,000-. ขึ้นอยู่แบรนด์ ฟังก์ชันและวัสดุของสินค้า
และหากมองผ่านๆตาแล้วเก้าอี้ทั้ง 2ประเภทนี้ลักษณะบางอย่างจะมีคล้ายคลึงกันมาก แต่เก้าอี้สุขภาพ Ergonomics นั่นมีราคาค่อนข้างที่จะสูงกว่าอยู่พอตัว และวันนี้อีไลฟ์จะมาแยกความแตกต่างของเก้าอี้ของทั้ง 2ประเภทนี้ทำไมราคาถึงห่างกันนักและแบบไหนเหมาะกับใครไปดูกันเลยค่ะ
- เก้าอี้เกมมิ่ง Gaming Chair.
เก้าอี้ที่ออกแบบมาสำหรับการนั่งเล่นเกม โดยฟังก์ชันที่ปรับได้จะเน้นท่าทางสำหรับการเล่นเกมเป็นหลัก สามารถปรับระดับต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น สูง-ต่ำ พนักพิงสำหรับเอนหลัง ที่พักแขน ส่วนใหญ่เก้าอี้เกมมิ่งจะออกให้พนักพิงมีขนาดใหญ่ เพื่อรองรับหลังไปถึงแขนได้อย่างทั่วถึง เน้นความนุ่มสบาย เลือกใช้วัสดุพวกหนังPU เมมโมรี่โฟม เป็นหลักเพราะจะให้ดีไซน์ที่มีความหรูหราคล้ายกับเบาะรถแข่ง อลังการ ช่วยให้เข้าถึงอารมณ์การเล่นเกมมากขึ้น
- ข้อดี : ราคามีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยถึงหมื่น…เป็นเก้าอี้ที่ดีไซน์หรูหรามาก เหมาะสำหรับใช้แต่งห้องที่เน้นความอลังการ มีสีและแบบให้เลือกหลากหลาย สามารถปรับระดับให้เข้ากับร่างกายได้ สัมผัสแรกที่ได้นั่งจะรู้สึกสบายเพราะตัวเบาะและพนักพิงมีความหนา นุ่ม สามารถหาซื้อได้ง่ายทั้งในห้างสรรพสินค้าและช่องทางออนไลน์
- ข้อเสีย : ยังไม่ค่อยตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นการรองรับหลังเยอะๆ เพราะวัสดุเป็นหนังเมื่อพิงไปสักพักจะรู้สึกยวบ ทำให้หลังจมได้และไม่ค่อยระบายอากาศ
2.เก้าอี้สุขภาพ Ergonomics
เป็นเก้าอี้ที่เน้นการรองรับสรีระร่างกายมนุษย์เป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนทำงาน ผู้บริหาร ที่ต้องใช้เวลานั่งทำงานเป็นเวลานานๆหรือผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของ “Office Syndrome” ฟังก์ชันที่ให้มาเบื้องต้นจะคล้ายกับเก้าอี้เกมมิ่ง เช่นระดับสูง-ต่ำ พนักพิง ที่วางแขน แต่ฟังก์ชันพิเศษที่เพิ่มมาคือการซัพพอร์ทหลัง เบาะ เช่น Lumbar Support ,Back Support ที่จะเน้นในส่วนของหลังให้ตรงไม่คดงอ,การสไลด์เบาะเข้า-ออก กระดกขึ้น-ลง เพื่อลดช่องว่างระหว่างเก้าอี้กับร่างกาย
- ข้อดี : เป็นเก้าอี้สุขภาพที่เหมาะกับคนใช้งานทุกรูปแบบเริ่มต้นตั้งแต่เด็กและผู้สูงอายุ มีความยืดหยุ่นสูง วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่มักเป็นเบาะผ้า ผ้าถัก ตาข่าย เพื่อช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นเมื่อนั่งนานๆไม่ทำให้ร้อนและอับชื้น ดีไซน์มินิมอลสามารถนำไปแต่งห้องทำงานง่าย มีหลายรูปทรงให้เลือกใช้งาน
- ข้อเสีย : ราคาค่อนข้างสูง ระยะแรกที่ใช้งานจะรู้สึกว่าแข็งเพราะวัสดุไม่เน้นความหนา นุ่ม หาซื้อค่อนข้างยากต้องเลือกแบรนด์ที่ไว้ใจได้
สรุปความแตกต่างหลักคือ
- ลักษณะภายนอก การดีไซน์เก้าอี้เกมมิ่งจะเน้นเป็นทรงสปอร์ต ดูหรูหราเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ของคนใช้งานมีสีสันให้เลือกเยอะแต่เก้าอี้สุขภาพจะเป็นสไตล์มินิมอลเรียบง่าย ส่วนใหญ่มักจะเป็นสีพื้น ขาว เทา ดำ
- วัสดุ เก้าอี้เกมมิ่งจะเน้นหนังPU ผ้ากำมะหยี่ เมมโมรี่โฟมที่เน้นความหนานุ่ม สบายเป็นหลัก ส่วนเก้าอี้สุขภาพจะเน้นวัสดุที่ระบายอากาศง่าย เช่น ตาข่าย เบาะผ้าถัก
- การใช้งาน เก้าอี้เกมมิ่งออกแบบสำหรับผู้ที่ใช้เล่นเกมโดยเฉพาะ สามารถปรับระดับได้เบื้องต้นหากเป็นชาวออฟฟิศที่กำลัง WFH ควรเน้นไปทางเก้าอี้ Ergonomics จะตอบโจทย์มากกว่า
- การสั่งซื้อ เก้าอี้เกมมิ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายกว่าเก้าอี้สุขภาพ
และอย่างไรก็ตามเก้าอี้ทั้ง 2รุ่น เป็นเพียงทางเลือกเสริมเท่านั้น หากเราต้องการที่มีสุขภาพที่ดี ลดอาการบาดเจ็บต่างๆการขยับร่างกายยังคงเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่อีไลฟ์ไม่อยากให้คุณมองข้ามเลย ดังนั้นเรามาทำงานไปพร้อมกับการมีสุขภาพดีกันนะคะ
-
Ultra5 Ergo Chair เก้าอี้สุขภาพ ปรับได้ 5ฟังก์ชั่น
7,990฿ – 8,990฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page