ความสุขเกิดจากการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน 3 ระดับ ได้แก่
- The Pleasant Life
- The Good Life
- The Meaningful Life
The Pleasant Life ชีวิตที่สนุกสนาน
“ความสุขคือ การได้หัวเราะ ได้กินดี อยู่ดี ได้นอนหลับฝันดี ได้ยิ้ม”
ความสุขในระดับแรกคือการได้ทำสิ่งที่เราชอบบ่อยๆ กิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เช่น การได้กินของอร่อยๆ ได้ดูหนังสนุกๆ ได้ไปช้อปปิ้ง ได้ออกไปวิ่ง ได้เล่นเกมกับเพื่อนๆ กิจกรรมที่ทำให้เราอารมณ์ดี
แต่ความสุขในระดับนี้มักจะเกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว หรือเราอาจจะรู้สึกสนุกสนาน แต่ลึกๆ ในใจเรายังกังวล ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
The Good Life ชีวิตที่ดี
“คนที่มีความสุขคือ คนที่ทำงานยุ่งตลอดทั้งวัน และตอนกลางคืนก็ง่วงจนไม่มีเวลาให้กังวล”
ความสุขอีกระดับคือการได้ทำสิ่งที่เรารัก ทำให้เราทุ่มเท ใช้ความสามารถ ใช้ฝีมือและความถนัดของเรา
ความพึงพอใจจากการทำงานสำเร็จ ความภูมิใจในฝีมือของตัวเอง ช่วยทำให้เพิ่มคุณภาพชีวิต และทำให้เกิดความพึงพอใจในชีวิตได้มากกว่าการใช้ชีวิตที่สนุกสนานไปวันๆ
การมุ่งมั่นทำงานจนทำให้เวลาหยุด หลุดเข้าไปอยู่ใน Flow หรือ In the zone ทำให้เราทำงานโดยที่ไม่สนใจเวลาที่ผ่านไป มันจะเกิดขึ้นได้จากการใช้ความสามารถ ใช้ความถนัดของเรา เช่น คนที่รักการเรียนรู้ ก็จะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือหรือดูวิดีโอสอน พยายามทำความเข้าใจ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เรายุ่งจนลืมเวลา
The Meaningful Life ชีวิตที่มีความหมาย
“ความสุขในระดับนี้คือการมีจุดหมาย การมีชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมาย การใช้ความสามารถและความถนัดของเรา ทำให้เกิดประโยชน์ ทำเพื่อสิ่งที่มันยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา สิ่งที่ทำให้เรามีคุณค่า และทำให้ชีวิตมีความหมาย”
ลองคิดทบทวนความสามารถของเรา จุดแข็ง สิ่งที่เราถนัด สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด จากนั้นนึกถึงสิ่งที่มันใหญ่กว่าตัวเรา สิ่งที่มันควรค่าที่จะให้เรายอมรับ สิ่งที่เรานับถือ สิ่งที่เราเชื่อ เช่น ศาสนา สังคม ความถูกต้อง ความยุติธรรม สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ
“ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ความมั่งคั่งและชื่อเสียงมันทำให้เรามีความสุขได้จริงหรือเปล่า “?
ความสุขคือการได้ใช้ชีวิตที่สนุกสนาน ได้ทำงานที่ตนเองชอบ ได้ใช้ความสามารถเพื่อก่อให้เกิดผลที่ไม่ใช่แค่ประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นบางอย่างที่มันยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา เช่น ทำประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อใครบางคน เพื่อโลกใบนี้
บางคนป่วยเป็นโรคทางสมอง บางคนติดเหล้า บางคนไต่เต้าสูงขึ้นมา ในขณะที่บางคนมีชีวิตที่ตกต่ำลง
งานวิจัยนี้ได้ข้อสรุปเป็นข้อคิด 3 อย่าง ดังนี้
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตโดดเดี่ยว
ความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิดจะช่วยยืดเวลาให้เราแก่ช้าลง กลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้สุขภาพเริ่มแย่ลงในวัยกลางคน ทำให้สมองทำงานผิดปกติและทำงานแย่ลงและมีชีวิตที่สั้นกว่าคนทั่วไป
ความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี คนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและกว้างขวางรู้จักคนรอบข้างมากมาย จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและเหงา
คุณภาพของความสัมพันธ์สำคัญกว่าปริมาณ
ในสังคมที่มีคนเยอะมากมายแต่ก็ยังเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยว ถึงแม้ว่าจะมีเพื่อนเยอะ ก็ไม่สำคัญเท่าความใกล้ชิดและคุณภาพของความสัมพันธ์ คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่รักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่อยู่ในครอบครัวที่ขัดแย้งและบาดหมางกัน ถึงแม้ว่าคนเหล่านั้นไม่เคยนอกใจและอยู่ด้วยกันนานแค่ไหนก็ตาม
ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยป้องกันโรคทางสมอง
คนที่อยู่ในครอบครัวที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะมีโอกาสน้อยกว่าที่จะเป็นโรคความจำเสื่อม ในเวลาที่รู้สึกว่ามีที่พึ่ง สามารถพึ่งพาอาศัยคนอื่นๆ ได้ ถึงแม้ว่าจะมีความทุกข์ยาก คนกลุ่มนี้ก็ยังมีสุขภาพจิตที่ดีและจำได้แม่น
สารแห่งความสุข Dopamine Endorphin Oxytocin Serotonin
Dopamine ฮอร์โมน “รู้สึกดี” ที่ช่วยกระตุ้นให้เราทำในสิ่งที่เราชอบ ทุกครั้งที่เรารู้สึกดี ไม่ว่าจะเป็น ทำงานเสร็จทันเวลา ไปถึงสถานีรถไฟทันเวลา ได้กินไอศครีมช๊อกกะแล็ตลาวา นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายหลั่ง Dopamine ออกมา Dopamine เป็นรางวัลที่เราได้รับจากการที่เราทำบางอย่างสำเร็จ เช่น ค้นพบบางอย่างหรือลดน้ำหนัดลงได้ตามที่ตั้งใจ
Oxytocin ฮอร์โมน “สายสัมพันธ์” ที่ช่วยให้เราสร้างสายใยระหว่างเรากับคนรอบตัว ทำให้เกิดความรู้สึกดีจากการที่เราเชื่อใจคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแม่กับลูก หรือความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก Oxytocin ช่วยให้เราอารมณ์ดีหัวเราะได้ง่าย ทำให้เราเข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น ช่วยให้เราสนุกกับการเข้าสังคม และการที่เราอยู่กับคนเยอะๆ ก็ยิ่งทำให้เราหัวเราะได้ง่ายขึ้นไปอีก
Serotonin ฮอร์โมน “คนพิเศษ” ทำให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญ การที่เราคิดถึงความสำเร็จหรือความทรงจำดีๆ ในอดีต จะช่วยให้ร่างกายหลั่ง Serotonin ออกมาได้ คนที่ไม่ชอบเข้าสังคมมักจะขาดฮอร์โมนนี้ วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้มีฮอร์โมนนี้คือ กินกล้วยและออกไปรับแสงแดดสัก 20 นาที จะช่วยให้ร่างกายหลั่ง Serotonin ออกมา
Endorphin ฮอร์โมน “บ้าพลัง” ช่วยให้เราพ้นจากความเจ็บปวดของร่างกาย Endorphin ช่วยให้นักวิ่งระยะไกลยังคงวิ่งต่อไปได้ ช่วยให้ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บและเพิ่มความต้านทานให้ร่างกายอีกด้วย ช่วยให้เราทนต่อความเจ็บปวดหรือเมื่อยล้า ถึงจะหมดแรงแต่ก็ยังไปต่อได้อีก เป็นเหตุผลที่ทำให้เรายังไปยิมได้อีกถึงแม้จะยังมีอาการเจ็บจากวันก่อนๆ และอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่บรรพบุรุษของเราที่สามารถออกล่าสัตว์ได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะต้องทนฝืน หมดแรงหรือบาดเจ็บจากการล่าสัตว์ ทั้งหมดก็เพื่อความอยู่รอดของกลุ่ม
“ชีวิตคนเราสั้น เราไม่มีเวลาให้กับการให้ร้ายแก่กัน” หรือการขัดแย้งและไม่พอใจซึ่งกันและกัน คนที่ยังยึดติดความบาดหมาง
มีแต่จะทำให้สุขภาพแย่ลง เราควรจะเอาเวลาไปใช้ชีวิต
“ไม่มีทางลัดที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่ดีได้ การสร้างความสัมพันธ์ต้องการเวลา” แรงกายและใจที่ทุ่มเท คนที่พบว่ามีความสุขในบั้นปลาย
มักจะเป็นคนที่รู้จักสร้างและรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงเพื่อนและสังคม ให้เวลากับคนที่เรารัก เข้าหาคนที่อยู่ไกลเรา
“ความสุขไม่ใช่สิ่งที่อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นได้ ” แต่มันยังเกี่ยวข้องกับเคมีในสมองและร่างกาย ที่วิวัฒนาการมาก่อนบรรพบุรุษของเราซะอีก
และเราก็สามารถเลือกและตัดสินความสุขของเราได้เอง
“การมีส่วนร่วมในสังคมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมีชีวิตที่ยืนยาว” ในขณะที่การอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้ชีวิตแย่และสั้นลง
คนที่สร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี จะมีอายุยืนยาวมากกว่าคนที่ใช้ชีวิตและมีความสัมพันธ์ที่ขัดแย้ง
คนที่อยู่ในครอบครัวที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะมีโอกาสน้อยที่จะเป็นโรคความจำเสื่อม
“ความเครียดไม่ได้เป็นเรื่องร้ายอย่างที่คิด” ถ้าเรารู้จักเผชิญหน้าและมองว่าสถานการณ์ต่างๆ เป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้
นอกจากนั้นร่างกายเรายังวิวัฒนาการช่วยให้เราตอบสนองกับความเครียด ส่งเสริมให้สร้างความสัมพันธ์ เพิ่มความมั่นใจ
และช่วยให้เรากลับมาจัดการกับความเครียดได้อย่างลงตัว
ที่มา https://www.nicetofit.com/