fbpx

วิธีดูและรถเข็นไฟฟ้า ในช่วงฤดูฝน

วิธีดูและรถเข็นไฟฟ้า ในช่วงฤดูฝน

ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ทั้งอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน ทำให้หลายๆคนต้องระวังเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ เมื่อถึงฤดูฝนก็จะตามมาด้วยความชื้น รถเข็นไฟฟ้าของเราก็ควรต้องดูแลเป็นพิเศษ อีไลฟ์ต้องของบอกก่อนว่ารถเข็นไฟฟ้าหรือวีลแชร์ไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ดังนั้นขึ้นชื่อว่า “ไฟ” ก็ย่อมไม่ควรอยู่คู่กับ “น้ำ” ค่ะ ดังนั้นเราไม่ก็ควรใช้รถเข็นไฟฟ้าตากฝนหรือเก็บไว้ในที่ชื้นเป็นเวลานานๆนั้นเอง

การดูแลวิลแชร์ไฟฟ้าช่วงหน้าฝน

  1. หมั่นเช็คสนิม  อย่าที่ทราบกันดีว่ารถเข็นบางรุ่นของเราถูกผลิตจากเหล็กแม้ทางโรงงานจะเคลมให้ว่าเคลือบชุดสีกันสนิมพิเศษมาให้แล้ว หากเมื่อใช้นานเข้าสีที่เคลือบอาจมีการเสื่อมตามสภาพการดูแล แต่เมื่อรถเข็นไฟฟ้าเปียกฝนแล้วนอกจากเช็ดที่โครงให้แห้ง มั่นเช็คหัวน็อตด้วยเพราะมีคุณสมบัติเป็นเหล้กและไม่ได้มีการเคลือบกันสนิมมานั่นเอง อาจทำให้วีลแชร์แตกหักได้ง่าย และไม่สามารถใช้งานได้อีก
  2. หมั่นเช็คมอเตอร์  อย่างที่ทราบกันดีค่ะว่ารถเข็นไฟฟ้า จะถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ซึ่งมอเตอร์ส่วนมาจะมีกล่องป้องกันน้ำค่อนข้างแน่นหนาแต่ไม่ใช่ว่าน้ำไม่สามารถเข้าไปได้ หากมีการใช้บนน้ำที่มีความสูงกว่ามอเตอร์ จะสามารถทำให้มอเตอร์ช็อต และไม่สามารถซ่อมได้อาจะต้องทิ้งทั้งคันเลยก็ได้นะคะ ดังนั้น มอเตอร์ไม่ควรที่จะโดนน้ำหรือความชื้นเป็นอย่างยิ่ง
  3. หมั่นเช็คแบตเตอรี่  แบตเตอรี่คือส่วนสำคัญของวีลแชร์ไฟฟ้า หากเกิดความเสียหาย นอกจากทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆ ภายในรถทำงานหนัก และเกิดความเสียหายแล้ว ยังทำให้รถวิ่งได้ช้าลง หรือหนักสุดอาจไม่สามารถใช้งานได้อีก เมื่อแบตเตอรี่โดนน้ำมากๆ จนเกิดความชื้นขึ้นมา รถเข็นไฟฟ้าของคุณอาจดับกลางถนนได้ หรือถ้าเกิดร้ายแรงขึ้นไปกว่านั้นความชื้นจะทำให้ระบบไฟช๊อต หรือไฟรั่วได้อีกด้วย
  4. หมั่นเช็คJoystick  เพราะ จอยเป็นสิ่งที่เราใช้บังคับทิศทางและเคลื่อนไหวรถเข็นไฟฟ้าโดยตรง และไม่ควรกระแทรกหรือให้ชนอะไรแรงๆ เพราะแผงวงจรไฟฟ้าที่สำคัญก็จะอยู่ในจอย ดังนั้น Joystick ควรเป็นสิ่งแรกที่ไม่ควรโดนน้ำเด็ดขาดค่ะ ถ้าเกิดJoystick เกิดโดนน้ำหรือความชื้นขึ้นมามากๆ จะทำให้รถเข็นไฟฟ้าของเรารวนหรือพัง และอาจจะเกิดอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บได้ค่ะ
  5. หมั่นเช็คการสึกหรอของล้อ เพื่อป้องกันการลื่นไถล และการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน และรถเข็นวีลแชร์  ควรเช็คสภาพรถ ยางรถ และเบรคทุกปี

รถวีลแชร์ธรรมดา หรือ รถวีลแชร์ไฟฟ้า?

.

        ถ้าจะให้เราบอกเลยว่าอันไหนดีกว่ากัน ก็คงจะไม่เที่ยงธรรมเท่าไหร่ หากจะให้เทียบกับจริงๆ อาจจะต้องพิจารณาจากปัจจัยการใช้งานจะดีกว่า เช่น ต้องใช้รถวีลแชร์นานแค่ไหน? หรือแม้กระทั่งงบประมาณที่รับไหวของแต่ละบ้าน ก็คือเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจได้ไม่แพ้กัน
สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เช่น ข้อเข่าเสื่อม, พาร์กินสัน, รูมาตอยด์,อัมพฤกษ์, อัมพาต หรือผู้พิการ ถือว่าเป็นผู้ที่ต้องการใช้รถวีลแชร์เพื่อเคลื่อนที่ตลอดไป เราแนะนำให้เลือกลงทุนกับการซื้อ รถวีลแชร์ไฟฟ้า (Electric Wheelchair) หรือ รถเข็นไฟฟ้าคนพิการ ไปเลยจะดีกว่า

เพราะผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ปกติดังเดิมแล้ว มักจะมีความเครียดและสุขภาพจิตที่แย่ลง ดังนั้นการที่มีเครื่องมือช่วยให้พวกเขาสามารถไปไหนมาไหนสะดวกดั่งใจได้ด้วยตนเองแบบเดิม ก็น่าจะดีกับผู้ป่วยและผู้สูงอายุในบ้าน
ส่วนรถวีลแชร์ธรรมดา อาจจะเหมาะสำหรับผู้ป่วยหรือบาดเจ็บระยะหนึ่งเพียงชั่วคราว หรืออาจจะเหมาะสำหรับผู้ที่คำนึงเรื่องราคาเป็นปัจจัยหลัก เพราะแน่นอนว่า รถวีลแชร์ไฟฟ้า (Electric Wheelchair) มีราคาสูงกว่ารถวีลแชร์ธรรมดา ยิ่งย้อนกลับไปหลายปีก่อนรถเข็นสำหรับผู้ป่วยหรือคนพิการที่เป็นไฟฟ้านั้นมีราคาสูงมากถึงหลักแสน แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถเข้าถึงการผลิตและเทคโนโลยีใหม่ๆได้ในราคาที่ถูกลง รถเข็นไฟฟ้าหรือ รถเข็นไฟฟ้าคนพิการ จึงมีราคาถูกลงเพียงหลักหมื่น ซึ่งเทียบกับราคาของรถเข็นวีลแชร์แบบปกติบางรุ่นแล้วแทบจะมีราคาพอๆ กันเลยทีเดียว

ข้อสำคัญ

หากรถมีปัญหาจากการใช้งาน และ ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหรือซ่อมแซมเอง ให้ดช็กประกันสินค้าก่อนว่าหมดประกันหรือยัง หากยังไม่หมดประกันแหนะนำให้ทักไลน์ @Elife หรือโทรสอบถามเจ้าหน้าที่ 098-955-9149 หาหมดประกันแล้วทางร้านก็ยังแนะนำว่าให้ติดต่อทางบริษัทโดยตรงก่อนจะนำไปซ่อมเองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง และผู้ใช้งานและผู้ดูแลและควรหมั่นตรวจสอบตรวจเช็คก่อนนำรถเข็นไฟฟ้าไปใช้งานทุกครั้งว่ามีชิ้นส่วนใดแตกหักเสียหาย หรือหลุดหายไปหรือไม่ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่และอ่านคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ใช้งานวีลแชร์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอีกทั้งยังช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้นอีกด้วย

 


รถเข็นไฟฟ้ารุ่นยอดนิยม