fbpx

เครื่องทำความชื้น (Humidifier) ในเครื่อง CPAP จำเป็นหรือไม่?

เครื่องทำความชื้น (Humidifier) ในเครื่อง CPAP จำเป็นหรือไม่?

เครื่องอัดอากาศขณะหายใจเข้า (Continuous Positive Airway Pressure: CPAP) เป็นการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนขณะหลับทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่มีปัญหานอนกรนธรรมดา หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งมีความรุนแรง ตั้งแต่ระดับน้อย ถึงรุนแรงมาก

AirSense 10 AutoSet angle

อากาศที่ออกมาจากเครื่อง CPAP จะมีแรงดันและอัตราการไหลที่สูงกว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปในภาวะปกติที่ไม่ได้ใช้งานเครื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคอแห้งหรือแสบช่องจมูกในบางท่านได้ เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น หนึ่งในอุปกรณ์เสริมที่มักนิยมใช้ร่วมกับเครื่อง CPAP คือ เครื่องทำความชื้น (Heated humidifier) เพื่อเพิ่มความชื้น (humidity) ในอากาศที่ผ่านออกมาจากเครื่อง CPAP

ปัจจัยในการพิจารณาว่าควรใช้เครื่องทำความชื้นด้วยหรือไม่

การพิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้เครื่องทำความชื้นหรือไม่นั้น สามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่างๆดังนี้.

  1. สภาพความชื้นในห้องนอนหรือห้องที่ใช้งานเครื่อง CPAP

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนและชื้น ถ้าผู้ป่วยใช้เครื่อง CPAP ในห้องธรรมดา (ที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมเป่าจ่อ) ก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับเยื่อบุจมูกของผู้ใช้เครื่อง ก็อาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำความชื้น แต่หากใช้เครื่อง CPAP ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ หรือผู้ป่วยเปิดพัดลมเป่าจ่อนั้น หากไม่มีเครื่องทำความชื้น ก็อาจมีปัญหาที่เรียกว่า การอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุจมูกที่เกิดจากการใช้เครื่อง CPAP (CPAP- induced rhinitis) ตามมาได้ ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย

  1. ระดับแรงดันลมที่ใช้งาน (Therapy pressure)

หากท่านมีอาการกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับระดับปานกลางหรือรุนแรง แรงดันลมที่ใช้มักจะมีค่าสูง เช่น มากกว่า 10 cmH2O ขึ้นไป แรงดันลมที่สูงนี้มักทำให้ช่องจมูกและช่องคอแห้งได้ ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย

  1. สภาพร่างกาย

บางท่านอาจมีอาการภูมิแพ้ หรือโพรงจมูกเกิดความระคายเคืองง่าย กรณีอย่างนี้ถึงแม้ว่าแรงดันลมที่ใช้จะไม่สูง หรือไม่ได้นอนในห้องแอร์ก็ตาม ก็แนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย

  1. ตื่นมาคอแห้งหรือไม่

ข้อนี้เป็นการสังเกตุง่ายๆ โดยท่านอาจไม่ต้องพิจารณาข้ออื่นๆเลย คือหากท่านใช้ CPAP แล้วตื่นขึ้นมามีอาการคอแห้ง ก็แนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย

  1. ใช้งาน CPAP ในต่างประเทศ

หากท่านนำเครื่อง CPAP ไปใช้งานในประเทศที่หนาวเย็น หรือมีความชื้นต่ำ ก็แนะนำให้ใช้เครื่องทำความชื้นร่วมด้วย

ผลเสียจากการใช้งาน CPAP โดยไม่มีเครื่องทำความชื้น

หากท่านใช้ CPAP โดยไม่มีเครื่องทำความชื้น ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ อากาศที่แห้งและเย็นจากเครื่องปรับอากาศ จะผ่านเข้าไปในโพรงจมูกตลอดระยะเวลาที่ผู้ป่วยใช้เครื่อง CPAP ในห้องนอน ซึ่งมีผลทำให้เยื่อบุจมูกมีการอักเสบเรื้อรัง และมีความไวผิดปกติ ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการคัดจมูก, คัน, จาม, น้ำมูกไหล หรือมีเสมหะลงคอได้ง่าย โดยเฉพาะตอนตื่นนอนตอนเช้า และเกิดการบวมของเยื่อบุจมูก ซึ่งเมื่อเยื่อบุจมูกบวมมากผิดปกติ จะมีผลกับการใช้งานเครื่อง CPAP ของท่านดังนี้

  • ถ้าผู้ป่วยใช้ CPAP แบบปรับความดันอัตโนมัติ (Auto CPAP) เครื่องจะเพิ่มแรงดันในการอัดอากาศเข้าไปในโพรงจมูกมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอึดอัดมากขึ้น และอาจมีลมรั่วออกจากหน้ากากได้ ซึ่งผู้ป่วยอาจต้องรัดหน้ากากที่ครอบจมูกหรือปากให้แน่นขึ้น จนทำให้มีรอยหน้ากากบนหน้าผู้ป่วยเมื่อตื่นมาตอนเช้าได้
  • ถ้าผู้ป่วยใช้ CPAP แบบตั้งค่าความดันเอง (Manual CPAP) ความดันในการอัดอากาศเข้าไปในโพรงจมูกจะคงที่ ซึ่งหากช่องจมูกมีอาการบวม จะทำให้ความดันที่เหลือที่จะไปถ่างทางเดินหายใจส่วนอื่นให้กว้างขึ้น มีค่าลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับลดลง ผู้ป่วยอาจจะกลับมามีเสียงดัง หรือกลับมามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเยื่อบุจมูกอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากการใช้เครื่อง CPAP นี้ บางคนอาจเกิดช้า บางคนอาจเกิดเร็ว ดังนั้นผู้ป่วยที่ใช้เครื่อง CPAP ควรตัดสินใจว่า จะปล่อยให้ปัญหานี้เกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยกลับมารักษา หรือจะป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น

ควรใช้น้ำแบบไหนในการเติมเครื่องทำความชื้น

ที่ทางผู้ผลิตแนะนำให้ใช้คือน้ำกลั่นทางการแพทย์ และต้องเป็นประเภทที่ระบุบนขวดว่า Sterile water for inhalation แต่ในความเป็นจริงน้ำประเภทนี้จะหาซื้อค่อนข้างยากและมีราคาสูง จึงแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ BiPAP ขึ้นไปหรือผู้ป่วยเจาะคอ สำหรับผู้ใช้งานเครื่อง CPAP ทั่วไป แนะนำให้ใช้น้ำดังต่อไปนี้ในการเติมเครื่องทำความชื้น

  1. น้ำดื่มบรรจุขวด
  2. น้ำต้มสุก
  3. น้ำกรอง

ห้ามใช้น้ำประปา !! เพราะเป็นน้ำที่มีคลอรีน และจะทำให้เกิดตะกอนในกระบอกน้ำได้

ข้อแนะนำในการใช้งานเครื่องทำความชื้น

  • ล้างทำความสะอาดกระบอกน้ำทุกๆ เช้าหลังจากเลิกใช้งานเครื่อง CPAP/BiPAP แล้วผึ่งลมให้แห้ง ห้ามนำไปผึ่งแดด
  • เปลี่ยนน้ำใหม่ทุกครั้งก่อนใช้งาน
  • เติมน้ำให้อยู่ระดับกึ่งกลาง ห้ามเกินขีด Max เพราะอาจทำให้น้ำไหลเข้าตัวเครื่องได้
  • เทน้ำออกทุกครั้ง ก่อนการเคลื่อนย้ายเครื่อง เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าตัวเครื่อง

สรุป

การพิจารณาว่าควรใช้เครื่องทำความชื้นร่วมกับ CPAP ด้วยหรือไม่นั้น ให้ดูจากปัจจัยต่างๆ เช่น นอนในห้องที่มีอากาศแห้ง เช่น ห้องแอร์หรือไม่ หรือระดับแรงดันลมที่ใช้มีค่าสูงหรือไม่ หรือมีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้หรือไม่ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี หากท่านสามารถหาเครื่องทำความชื้นมาใช้งานได้ ก็ขอแนะนำให้ใช้ครับ เพราะแรงลมจากเครื่อง CPAP แม้ที่แรงดันต่ำสุดก็ยังมีอัตราการไหล (Flow) ที่สูงกว่าการหายใจปกติของเราอยู่ดี ซึ่งการที่มีลมผ่านด้วยความเร็วสูงกว่าปกติเป็นเวลานานๆ ในระยะยาวก็อาจทำให้ช่องจมูกอักเสบได้

นอกจากนี้การหายใจเอาอากาศที่มีความอุ่นและความชื้นพอเหมาะเข้าไป จะทำให้ท่านนอนหลับได้สบายกว่าอีกด้วย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจว่า ควรจะใช้เครื่องทำความชื้นร่วมกับ CPAP


สินค้าแนะนำเกี่ยวกับการนอนหลับ