fbpx

เตรียมตัวทำ Sleep Test กับ Elife

เตรียมตัวทำ Sleep Test กับ Elife

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี แต่หลายคนกลับประสบปัญหาการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ หรือนอนกรน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและอาจนำไปสู่โรคภัยต่างๆ ได้ Elife Sleep Tes  ถือว่าเป็นตัวกลาที่ทำให้สถานที่นึงศูนย์ตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบครบวงจร พร้อมช่วยให้คุณนอนหลับสบาย ไร้กังวล! บทความนี้จะพาคุณไปเตรียมตัวทำ Sleep Test กับ Elife อย่างมืออาชีพ พร้อมไขข้อสงสัยที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

Sleep test 

หรือ “การตรวจการนอนหลับ” เป็นการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใช้เพื่อศึกษาพฤติกรรมการนอนหลับของบุคคล การทดสอบนี้มักจะทำในห้องปฏิบัติการการนอนหลับ ซึ่งเป็นห้องที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อม เช่น แสง เสียง และอุณหภูมิ ระหว่างการทดสอบ ผู้ป่วยจะถูกติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อตรวจสอบกิจกรรมทางสมอง การเคลื่อนไหวของร่างกาย และสัญญาณทางสรีรวิทยาอื่นๆ

Home Sleep Test by elife สลีปเทสทำที่บ้าน มาตรฐาน US, Europe ง่าย คิวไม่นาน ได้ Sleep Report ได้ผลเพื่อใช้ในการรักษาต่อไป

Sleep Test มีกี่ประเภท>Sleep test

Type 1 : ประเภทที่ 1 คือการทำ Sleep test แบบทำที่โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์เป็นผู้ดูแลและมี sleep tech เฝ้าตลอดทั้งคืน

-คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), คลื่นไฟฟ้าลูกตา (EOG), คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), -คลื่นกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อคาง (EMG)
-การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
-ลมหายใจ (Airflow)
-O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 2 : ประเภทที่ 2 คือการทำ Sleep test แบบที่ทำนอกโรงพยาบาล ไม่ต้องมี Sleep tech ไม่ต้องเฝ้าตลอดทั้งคืน เพียงมีเจ้าหน้าที่เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ให้ อาจจะทำที่บ้านหรือคลินิกที่ร่วมกับโรงแรม แบบนี้จะดีที่คนไข้สามารถทำที่บ้านได้ (แล้วแต่คลินิก) ประหยัดค่าใช้จ่าย รอคิวน้อยกว่า

-คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), คลื่นไฟฟ้าลูกตา (EOG), คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), -คลื่นกล้ามเนื้อขา กล้ามเนื้อคาง (EMG)
-การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
-ลมหายใจ (Airflow)
-O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 3 : ประเภทที่ 3 คือการทำ Sleep test แบบจำกัดข้อมูล ได้ข้อมูลไม่ครบเท่า Type 1 และ Type 2 จะไม่ได้รับการตรวจคลื่นสมองและคลื่นหัวใจรวมทั้งการกระตุกของกล้ามเนื้อแขนขาที่ผิดปกติ แต่สำหรับคนที่ต้องการทราบอาการเบื้องต้นว่าตนเองหยุดให้ใจขณะนอนหลับหรือไม่ สามารถทำได้เลย รอคิวไม่นาน ประหยัดกว่า สำหรับคนที่ติดอุปกรณ์เยอะๆแล้วนอนไม่หลับ ตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดี

-วัดชีพจร (Heartrate)
-การขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง (Thorac-Abdominal movements)
-ลมหายใจ (Airflow)
-O2 ในเลือด (Oximetry)

Type 4 : ประเภทที่ 4 คือการทำ Sleep test แบบวัดเฉพาะ O2 ในเลือด และลมหายใจขณะหลับ แบบนี้จะมีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด

-ลมหายใจ (Airflow)
-O2 ในเลือด (Oximetry)

 

เหมาะสำหรับใคร? 

 

  • นอนกรนเสียงดัง
  • หายใจติดขัดขณะหลับ
  • ง่วงนอนตลอดเวลา
  • ตื่นนอนไม่สดชื่น
  • มีอาการอื่นๆ ที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคทางเดินหายใจขณะหลับ

 

ขั้นตอนการทำ Sleep Test

1. ศึกษาข้อมูล: รู้จัก Sleep Test และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Sleep Test คือ การตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยการวัดคลื่นสมอง คลื่นหัวใจ การหายใจ การเคลื่อนไหวของร่างกาย และระดับออกซิเจนในเลือด ขณะนอนหลับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คือ ภาวะที่ระบบหายใจหยุดทำงานชั่วขณะขณะนอนหลับ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ

2. ปรึกษาแพทย์: แจ้งประวัติการนอนหลับและอาการที่พบ

ก่อนทำ Sleep Test ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแจ้งประวัติการนอนหลับของคุณ เช่น นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ นอนกรน

3. เตรียมร่างกาย: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 1 คืนก่อนวันนัดหมาย เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมที่สุด

4. งดเว้นสิ่งกระตุ้น: งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และยาบางชนิด

งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และยาบางชนิด ที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับ

5. สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ: เลือกชุดที่หลวมและใส่สบาย

ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและใส่สบาย เพื่อไม่ให้รัดแน่นจนอึดอัด

6. นำสิ่งของจำเป็น: บัตรประชาชน สมุดบันทึกอาการนอนหลับ

อย่าลืมนำบัตรประชาชน สมุดบันทึกอาการนอนหลับ และยาที่ใช้อยู่ประจำ ไปด้วย

7. ปฏิบัติตามคำแนะนำ: สอบถามข้อมูลและข้อสงสัย

เมื่อไปถึง Elife พนักงานจะสอบถามข้อมูลและข้อสงสัยต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

8. ผลลัพธ์: รับการวินิจฉัยและแผนการรักษา

หลังทำ Sleep Test แพทย์จะแจ้งผลการวินิจฉัยและแผนการรักษาที่เหมาะสม Elife Sleep Test  พร้อมให้คุณนอนหลับสบาย ไร้กังวล ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย และบริการชั้นเลิศ

 

<แชร์ประสบการณ์

 

คำถามที่พบบ่อย