ข่าวที่กำลังตกเป็นประเด็นสังคมในขณะนี้ เมื่อรัฐบาลรักษาการมีการกำหนดและประกาศเกณฑ์การรับเบี้ยผู้สูงอายุโดยใช้หลักเกณฑ์ใหม่ จนผู้สูงอายุที่กำลังจะย่างเข้า 60 ปี ทุกท่านอาจได้รับ หรือ ไม่ได้รับเงินผู้สูงอายุ จนกลายเป็นการเกิดข้อกังขาขึ้นในสังคมอย่างมาก
ว่าเบี้ยผู้สูงอายุนี้เป็นเงินที่ผู้สูงอายุชาวไทยทุกคนควรได้รับ หรือ เป็นเงินที่ผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ หรือ ค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอควรได้รับ แต่ไม่ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ของการรับเบี้ยคนชราจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านควรทราบไว้ และเราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดให้แก่ทุกท่านในบทความนี้
เบี้ยผู้สูงอายุปรับใหม่ ปี 66 มีเงื่อนไขหรืออะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
เบี้ยผู้สูงอายุ จัดเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่ภาครัฐได้จัดสรรให้กับประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ที่กลายมาเป็นประเด็นในขณะนี้ก็เนื่องมาจากเกณฑ์การรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ถูกปรับเปลี่ยน และประกาศออกมาใหม่ตามหลักเกณฑ์ในฉบับล่าสุด
ซึ่งมีการระบุว่าผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนดเท่านั้น สำหรับการรับเบี้ยคนชรา เงื่อนไขที่เหมือนและแตกต่างจากเดิม ดังนี้
เกณฑ์ที่เหมือนกัน :
ทั้งส่วนของเกณฑ์เดิม และ เกณฑ์ใหม่จะมีเกณฑ์ในข้อเหล่านี้ที่เหมือนกัน คือ
- ต้องเป็นประชาชนที่มีสัญชาติไทย
- มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำร้องขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เกณฑ์ที่แตกต่างกัน :
มีส่วนของข้อความบางข้อความที่แตกต่างจากเดิมอย่างมีนัยยะ คือ
- ส่วนของแหล่งที่อยู่ในเกณฑ์เดิมจะใช้ข้อความว่า “ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน” ส่วนเกณฑ์ใหม่นั้นใช้ข้อความว่า “มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น”
- ส่วนของรายได้ในเกณฑ์เดิมจะใช้ข้อความว่า “ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ ผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัดบำนาญพิเศษ หรือ เงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่รวมถึงผู้พิการ หรือ ผู้ป่วยเอดส์ หรือ ผู้ได้รับสวัสดิการอื่นตามมติ ครม.”
- ส่วนเกณฑ์ใหม่นั้นใช้ข้อความว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือ มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด”
คุณภาพชีวิตหลังเกษียณอย่างหนึ่งของคนไทยก็คือ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เงินคนแก่ 600 บาท ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง แต่แล้วเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนี้ จะได้เมื่อไหร่ ต้องลงทะเบียนตอนไหน ได้เงินกี่มากน้อย ใครเป็นคนจ่าย วันนี้ Elife สรุปเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาให้แล้ว ไปดูกันค่ะ
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566 คืออะไร
สวัสดิการที่รัฐมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เงินคนแก่ เป็นอีกสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้ กับบุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน โดยในแต่ละปี จะเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ ๆ มาลงทะเบียน นั่นเท่ากับว่า ถ้าอยากรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากภาครัฐจะต้องละทะเบียนก่อน อย่างเช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565 – ก.ย. 2566) สำหรับคนที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2506 จะเปิดลงทะเบียนไปแล้ว ในเดือน ต.ค. 2564 – ก.ย. 2565 ซึ่งปัจจุบันปิดรับลงทะเบียนแล้ว ซึ่งใครเกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2506 แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ก็จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2567 แทน โดยปี 2566 นี้จะยังไม่ได้รับเงินยังชีพผู้สูงอายุ
เบี้ยผู้สูงอายุ 2566 ออกวันไหน
การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะออกทุกวันที่ 10 ของเดือน แต่หากเดือนใดวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดราชการ จะจ่ายในวันทำการก่อนวันหยุด เท่ากับว่าในปี 2566 ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยตามวันที่ต่อไปนี้
เบี้ยผู้สูงอายุ 2567 ลงทะเบียนเมื่อไหร่
เดือนตุลาคม 2565 : วันจันทร์ที่ 10 ต.ค. 2565
เดือนพฤศจิกายน 2565 : วันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย. 2565
เดือนธันวาคม 2565 : วันศุกร์ที่ 9 ธ.ค. 2565
เดือนมกราคม 2566 : วันอังคารที่ 10 ม.ค. 2566
เดือนกุมภาพันธ์ 2566 : วันศุกร์ที่ 10 ก.พ. 2566
เดือนมีนาคม 2566 : วันศุกร์ที่ 10 มี.ค. 2566
เดือนเมษายน 2566 : วันจันทร์ที่ 8 เม.ย. 2565
เดือนพฤษภาคม 2566 : วันพุธที่ 10 พ.ค. 2566
เดือนมิถุนายน 2566 : วันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. 2566
เดือนกรกฎาคม 2566 : วันจันทร์ที่ 10 ก.ค. 2566
เดือนสิงหาคม 2566 : วันพฤหัสบดีที่ 10 ส.ค. 2566
เดือนกันยายน 2566 : วันศุกร์ที่ 8 ก.ย. 2566
เดือนตุลาคม 2566 : วันอังคารที่ 10 ต.ค. 2566
เดือนพฤศจิกายน 2566 : วันศุกร์ที่ 10 พ.ย. 2566
เดือนธันวาคม 2566 : วันศุกร์ที่ 8 ธ.ค. 2566
สำหรับใครที่กำลังจะอายุครบ 60 ปี ในปี 2567 หรือลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพคนชราไม่ทันในปีที่ผ่านมา สามารถลงทะเบียนได้ ตั้งแต่ ต.ค. 2565 – ก.ย. 2566 โดยลงทะเบียนได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามภูมิลำเนาของตัวเอง คือ
กรุงเทพฯ : สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ
ต่างจังหวัด : สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ
แต่ตามกฎหมายเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งออกมาใหม่ ส.ค. 2566 ผู้สูงอายุที่ครบ 60 ปี ให้ยืนยันสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยไม่ต้องลงทะเบียน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำนวยความสะดวกโดยการแจ้งไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิ และหากผู้สูงอายุมีความประสงค์ที่จะรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูล เพื่อยืนยันสิทธิตนเอง
เบี้ยผู้สูงอายุ คุณสมบัติ
บุคคลที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2567 จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือ
1. สัญชาติไทย มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คือ ต้องเกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย. 2507 (สำหรับผู้ที่ทราบแค่ปีเกิด แต่ไม่ทราบวันเกิด/เดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 ม.ค. ของปีนั้น ๆ)
2. ผู้สูงอายุต้องไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาก่อน หรือถ้าเคยลงทะเบียนมาก่อน แต่ย้ายภูมิลำเนามาใหม่ จะต้องมาลงทะเบียนใหม่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามทะเบียนบ้านใหม่ เช่น เคยลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2562 แต่ปี 2566 เพิ่งย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่กรุงเทพ จะต้องไปลงทะเบียนใหม่ที่สำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพ
3. มีภูมิลำเนาอยู่ในเขต สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามทะเบียนบ้าน
4. ต้องไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์เป็นรายเดือนจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ อปท. ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ แต่!!! ตามกฎหมายใหม่ มีผลบังคับใช้ 12 ส.ค. 2566 คุณสมบัติในข้อ 4 จะเปลี่ยนเป็น “เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด”
เท่ากับว่าผู้ที่จะรับเบี้ยผู้สูงอายุต้องพิสูจน์ความจนก่อน ถึงจะได้รับเงินชรา หากเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเกณฑ์ก็จะหมดสิทธิรับเงินส่วนนี้ ส่วนผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้บังคับใช้ ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป ตามบทเฉพาะกาล ข้อ 17 อ้างอิง ระเบียบกระทรวงมหาดไทย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566
ลงทะเบียน เงินผู้สูงอายุ 2567 ใช้เอกสารอะไรบ้าง ??
(1) บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย
(2) ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
(3) สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร
แต่ตามวิธีการลงทะเบียนแบบใหม่ เอกสารที่ใช้ยืนยันสิทธิ มีเพียง
(1) แบบยืนยันสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
(2) สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับกรณีที่ผู้ที่ประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร
เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้กี่บาท ?
- อายุ 60 – 69 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 600 บาทต่อคนต่อเดือน
- อายุ 70 – 79 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 700 บาทต่อคนต่อเดือน
- อายุ 80 – 89 ปี จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 800 บาทต่อคนต่อเดือน
- อายุ 90 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพ อัตรา 1,000 บาทต่อคนต่อเดือน
ระหว่างปีงบประมาณ จะได้ปรับขึ้นเงินผู้สูงอายุเพิ่มเดือนไหน
ตามกฎหมายเดิม หากผู้สูงอายุมีอายุครบ 70, 80 หรือ 90 ปี ในระหว่างปีงบประมาณ จะยังไม่ได้ปรับเบี้ยเพิ่มขึ้นทันที โดยต้องรอการปรับเบี้ยในปีงบประมาณถัดไป แต่ล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2566 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกรณีการปรับอัตราการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได โดยให้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ณ วันที่มีอายุครบในเดือนนั้นทันที ไม่ต้องรอให้ครบปีงบประมาณ
รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ที่ไหนบ้าง ? ผู้สูงอายุสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านทางช่องทางใดต่อไปนี้
- รับเงินสดด้วยตนเอง
- ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจมารับเงินสดแทน
- โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้สูงอายุ
- โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูงอายุ
ลงทะเบียน เบี้ยผู้สูงอายุ 2567 แล้วจะได้รับเงินเมื่อไหร่
การลงทะเบียนขอรับ เงินผู้สูงอายุ เป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อรับเงินในปีงบประมาณถัดไป ดังนั้น แม้จะลงทะเบียนก่อน แต่ไม่ได้รับเงินในทันที ทว่าจะได้รับเงินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป คือช่วงเดือน ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567
ส่วนจะได้รับเงินในเดือนไหน ขึ้นอยู่กับวันเกิดของผู้ลงทะเบียน โดยจะจ่ายให้ในเดือนถัดจากวันเกิด 1 เดือน เช่น
เกิดวันที่ 2-31 ต.ค. 2506 จะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2566
เกิดวันที่ 2-30 มิ.ย. 2507 จะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน ก.ค. 2567
ยกเว้นคนเกิดวันที่ 1 จะได้รับเงินในเดือนเกิดนั้นเลย เช่น เกิดวันที่ 1 พ.ย. 2506 จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2566
อายุเกิน 60 ปี แต่เพิ่งมาลงทะเบียนครั้งแรก จะได้รับเงินเมื่อไหร่
หากใครมีอายุเกิน 60 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมาลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ สามารถมาลงทะเบียนในช่วงเดือน ต.ค. 2565 – ก.ย. 2566 ได้เลย เพื่อรับเงินผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2567 โดยจะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน ต.ค. 2566 (ไม่มีการจ่ายย้อนหลัง) โดยลงทะเบียนครั้งเดียว ก็จะได้เงินเข้าทุกเดือน ยกเว้นกรณีเปลี่ยนภูมิลำเนาต้องลงทะเบียนใหม่
มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เงินบำนาญประกันสังคม ยังรับเบี้ยคนชราได้อีกมั้ย? คำตอบคือ ได้ (หากมีหลักเกณฑ์เข้าคุณสมบัติเป็นผู้สูงอายุ)
และเบี้ยคนชราไม่ได้จำกัดว่า ผู้ลงทะเบียนต้องมีรายได้เท่าไร แม้ว่าจะมีรายได้อยู่ แต่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป และมีคุณสมบัติอื่น ๆ ครบตามเกณฑ์ ก็สามารถลงทะเบียนได้ หรือจะสละสิทธิ์การรับเบี้ยคนชราก็ทำได้เช่นกัน
เงื่อนไขผู้ที่ไม่สามารถรับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุได้
- ผู้ที่มีสิทธิ์รับผลประโยชน์จากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรื่อหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเช่น เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ
- เงินพิเศษในส่วนอื่น ๆ ที่เหมือนกับเงินยังชีพ อย่างเช่น ผู้สูงอายุที่เคยมีเงินเดือนประจำ หรื่อจากหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น
กรณีไหนที่สิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ปี 66 สิ้นสุดลง
นอกจากว่าปี 2566 นี้จะมีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การให้เบี้ยผู้สูงอายุแล้วนั้น ก็ยังมีเกณฑ์ที่ทำให้ผู้ที่เคยมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้นสามารถสิ้นสุดการรับสิทธิ์ได้เช่นกัน โดยการที่เบี้ยคนชราล่าสุดนั้นจะสิ้นสุดลง มีใน 3 กรณีด้วยกัน ดังต่อไนี้
กรณีที่สิทธิ์ผู้สุงอายุสิ้นสุดลง
- กรณีที่ผู้มีสิทธิ์เสียชีวิต
- กรณ๊ที่ผู้มีสิทธิ์ขาดคุณสมบัติตามเกณฑ์กำหนด
- กรณีที่ผู้มีสิทธิ์แจ้งสละสิทธิ์ด้วยตนเอง
เบี้ยผู้สูงอายุหนึ่งในสิทธิ์พื้นฐานที่ประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเพื่อการดำรงชีวิต ซึ่งมีการปรับเกณฑ์ใหม่เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับยุคสมัย การจัดเก็บรายได้ของประเทศ รวมไปถึงความเหมาะสมของสภาวะการณ์ในขณะนี้
และยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปทั้งภาคประชาชนเอง ภาคของการเมืองการปกครอง รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเราในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งก็ควรศึกษาข้อมูลจากบทความข้างต้นไว้เพื่อให้ทราบสิทธิ์ที่พึงมีของตนเอง
อ้างอิง :: https://www.sanook.com/money/912463/
เตียงไฟฟ้าผู้สูงอายุ และอุปกรณ์จำเป็นในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ 2023 >> https://www.elifegear.com/equipment-for-the-elderly/
-
Full Setไม้แท้เตียงการแพทย์
Berlin 3 | เตียงไฟฟ้าผู้ป่วย สูงอายุ ปรับระดับได้ 3ไกร์ 6ปุ่ม วัสดุไม้แท้ (Full Set)
Original price was: 49,900฿.35,900฿Current price is: 35,900฿. Add to cart -
Full Setไม้แท้เตียงการแพทย์
Berlin 5 | เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า สูงอายุ 5ไกร์ 11ปุ่มฟังก์ชั่น โครงโลหะกรุวัสดุไม้จริง (Full Set)
49,900฿ Select options This product has multiple variants. The options may be chosen on the product page -
Full Setไม้แท้เตียงการแพทย์
Berlin 5Pro | เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า สูงอายุ 5ไกร์ 11ปุ่มฟังก์ชั่น โครงโลหะกรุวัสดุไม้จริง Aluminium/Wood Side (Full Set)
Original price was: 79,990฿.55,900฿Current price is: 55,900฿. Add to cart
-
เครื่องผลิตออกซิเจน 9F-5BW ระบบสัมผัส+Remote Control
Original price was: 25,500฿.21,900฿Current price is: 21,900฿. Add to cart -
เครื่องผลิตออกซิเจนแบบพกพา 4L Spirit3 Lithium-ion
Original price was: 52,000฿.43,900฿Current price is: 43,900฿. Add to cart -
เครื่องวัดออกซิเจน Minimal Bluetooth YX110
Original price was: 1,200฿.990฿Current price is: 990฿. Add to cart -
เครื่องวัดออกซิเจน จอสี Bluetooth YX310
Original price was: 1,500฿.1,290฿Current price is: 1,290฿. Add to cart