ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงมามากแล้วในหลายพื้นที่ และปีนี้คาดว่าอากาศจะเย็นมาก และนานกว่าทุกปี นับว่าเป็นเรื่องที่ดีหลังจากที่ร้อนติดต่อกันมาหลายปี แต่อากาศหนาวก็มาพร้อมกับความแห้ง ซึ่งผลที่ตามมาก็คืออาการผิวแห้ง แตก คัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุที่อาการผิวแห้งจะมีความรุนแรงกว่าผู้อยู่ในวัยหนุ่มสาว เพราะร่างกายผลิตไขมันที่ผิวหนังที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผิวหนังไม่สามารถเก็บกักน้ำและไขมันไว้ได้ตามปกติ
นอกจากอากาศแห้งที่เป็นสาเหตุหลักของผิวแห้งแล้ว ยังเกิดจากสภาพผิวของบุคคล การดื่มน้ำน้อย การอาบน้ำร้อน หรือฟอกสบู่บ่อยเกินไป การใช้น้ำหอม เครื่องสำอาง และยังเกิดได้จากสภาพร่างกายของแต่ละคน เช่นผู้ที่อยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ผู้ป่วยไตวายที่ต้องฟอกไต ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ป่วยโรคผิวหนังเกล็ดปลา และผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น
และผลพวงจากผิวแห้งนี่เองจะทำให้เกิดอาการคัน เมื่อคันแล้วคนเราก็จะเกา มันเป็นเรื่องยากมากที่จะต่อสู้กับความอยากเกา ดังนั้นคุณควรตัดเล็บให้สั้นเพื่อป้องกันผิวจากการถูกทำลาย การประคบเย็นในบริเวณที่มีอาการของผื่นภูมิแพ้หรือผื่นคันจะช่วยลดความรู้สึกคัน คุณควรประคบเย็นร่วมกับการดูแลตนเองที่แนะนำไปทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองและสาเหตุร่วมที่ก่อให้เกิดอาการของโรค
การรักษา และป้องกันทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการถู แกะ เกา ที่จะทำให้เกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ มีสะเก็ดแห้งแตกลอก
- สวมเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายที่หลวมสบาย ระบายเหงื่อได้ดี
- อาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิปรกติ ไม่ร้อนจนเกินไป และไม่ใชเวลาอาบน้ำนานเกินไป
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือสบู่ที่มีสารรุนแรง สารเคมี และน้ำหอม หรือเลือกใช้สบู่กลีเซอรีนจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังได้ดี สังเกตได้จากเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วจะรู้สึกว่าผิวลื่นเหมือนล้างสบู่ไม่หมด
- หากเกิดอาการคันให้ใช้การประคบเย็น ทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังเป็นประจำเช่น ปิโตรเลียมเจลลี่
ทั้งนี้ถ้ามีอาการกำเริบมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังไม่ควรซื้อยามาใช้เอง
ขอขอบคุณ นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์